วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประธานาธิบดี คนที่ 13 มิลลาร์ด ฟิลมอร์
 
 
 
ประวัติความเป็นมา
ฟิลมอร์ เกิดวันที่ 7 มกราคม 1800 ที่รัฐนิวยอร์ค บิดาชื่อ นาตาเนียล ฟิลมอร์มารดาคือ เฟบเบอร์ มิลลาร์ด ฟิลมอร์ ทั้ง 2 คนเป็นชาวนาจาก New Englandเขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ปี 1826 เขาแต่งงานกับ อบีเกต เพาเวอร์ ซึ่งเป็นบุตรสาวของเรเออร์เร้น เลมูเอล เพาเวอร์ มีบุตร 2 คน ปี 1858 ฟิลมอร์ได้แต่งงานกับหม้ายสาวชื่อ คาโรลีน คาร์มิเชล แมคอินทอร์ช หลังจากภรรยาคนแรกชีวิตในปี 1853
 
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ ค.ศ.1850  ค.ศ.1853
 
การทำงาน
ฟิลมอร์ได้เปิดการค้ากับประเทศญี่ปุ่น และยังได้พาประเทศให้รอดพ้นจาก
สงครามกลางเมืองมาได้ 10 ปี และการค้าทาสก็สิ้นสุดลงในรัฐโคลัมเบีย
ฟิลมอร์ได้พยายามผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับทาส ซึ่งเขาได้รับการสนับสนุน
จากกลุ่มวิกทางใต้ แต่เป็นปฏิปักษ์กับทางเหนือ ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้การ
เลือกตั้งครั้งต่อมา
 
8 มีนาคม 1874
ฟิลมอร์ ถึงแก่อสัญกรรม
 
ประธานาธิบดี คนที่ 11 เจมส์ เค โพล์ค
 
 
 
ประวัติความเป็นมา
โพล์ค เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 1795 ในแมคแลนเบริก แคโรไลนาเหนือ
เป็นบุตรคนโตของ แซมวัล และ เจน โพล์ค ในปี 1806 ครอบครัวโพล์คย้าย
ไปอยู่ที่ เทนเนสซี   1 มกราคม 1824 แต่งงานกับ ซาร่าห์ ชายเรส ลูกสาว
คหบดีแห่งเมืองเมอปรีย์ โบโร ซึ่งมีความสง่าเป็นยอด ภรรยาของเขาเป็น
แบบฉบับที่ดีในการสนับสนุนกิจการของเขา เธออุทิศเวลาให้กับงานสังคม
สงเคราะห์และความช่วยเหลือทางสังคม ครอบครัวโพล์คไม่มีบุตร โพล์ค
เป็นคนที่ไม่เพ้อฝันและไม่ค่อยมีอารมณ์ขันมากนัก เขาจัดการชีวิตอย่างมี
แบบแผน ทำงานอย่างหนักตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง เขาออกจาก
โต๊ะทำงานเพียง 37 วัน ตลอดระยะเวลา 4 ปี
 
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ ค.ศ.1845  ค.ศ.1849
 
การทำงาน
โพล์ค วิตกว่าการบริหารงานของเขาอาจจะเป็นที่สงสัยแก่สมาชิก เขาจึงได้ทำหน้าที่บริหารของเขาอย่างดีที่สุดและขอร้องให้คณะรัฐมนตรีทำหน้าที่อย่างเต็ม ความสามารถ โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งใดๆ ก็ตามในอีก 4 ปีข้างหน้า  โพล์คตัดสินใจขอซื้อมลรัฐแคลิฟอร์เนียจากประเทศเม็กซิโกในวันที่ 6 มีนาคม 1845เม็กซิโกตัดสัมพันธภาพกับสหรัฐฯ รวมทั้งการกำหนดพรมแดนทำให้การเจรจาซื้อแคลิฟอร์เนียล้มเหลว ปี 1847 นายพลวิมพิกส์ ยึดกรุงเม็กซิโกซิตี้ได้ทำให้สงครามสิ้นสุดอย่างสิ้นเชิง สหรัฐฯ ได้รับดินแดนเพิ่มเติมขึ้นมาคือ เนวาดาแอร์โชน่ายูทา และโคโรลาโด โพล์คประสบความสำเร็จด้วยความช่วยเหลือของนายพลซาซซารี่ เทเลอร์ วีรบุรุษจากสงครามเม็กซิกัน การบริหารงานของโพล์คอาจเป็นเสมือนหนึ่งจะทำให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีความเท่าเทียมกับประเทศทางยุโรปและในสุนทรพจน์ฉบับสุดท้ายที่โพล์คส่งให้กับสภาคองเกรสเขาได้กล่าวอย่างภาคภูมใจเกี่ยวกับดินแดนใหม่ๆ ของเขาว่า สหรัฐอเมริกาเทียบ
ได้กับความยิ่งใหญ่ของยุโรปทั้งทวีป และในสมัยของโพล์คได้เกิดพรรค
การเมืองที่ชื่อว่า เฟรส ซอยล์ และต่อมาก็คือ พรรครีพับลิกัน
 
15 มิถุนายน 1849
สามเดือนหลังจากที่เขาพ้นตำแหน่ง โพล์คถึงแก่อสัญกรรม ร่างของเขาถูก
ฝังที่ ฟอล์ค เพลส ในเมืองแนช วิลส์ มลรัฐเทนแนสซี ในปี 1893 ร่างของ
เขาได้ถูกย้ายไปฝัง ณ สุสานของรัฐที่เมือง แนช วิลส์
 
ประธานาธิบดี คนที่ 12 ซาซซารี่ เทเลอร์
 
 
ประวัติความเป็นมา
เทเลอร์เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 1784 ใกล้เมืองมาร์เบอสวิลล์ ในออร์เรนคันทรี รัฐเวอร์จิเนีย พ่อของเขาคือ พ.ท.ริชาร์ด เทเลอร์ ทหารผ่านศึกจากสงครามปฏิวัติ แม่ของเขาคือ ซาราห์ เดบนี่  และเทเลอร์มีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับระธานาธิบดี เจมส์ เมดิสัน และพลเอกโรเบิร์ต อีลี เทเลอร์แต่งงานกับ มาร์กาเรต แมคคอล สมิธ บุตรสาวเกษตรกรจากมลรัฐแมรี่แลนด์ เทเลอร์เป็นคนที่มีรูปร่างสูงปานกลาง อ้วน แต่งกายเรียบง่ายแต่พิถีพิถัน ซื่อสัตย์ สุภาพ ขยันขันแข็ง และเป็นผู้รับใช้สังคม
 
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ ค.ศ.1849  9 กรกฎาคม 1850
 
การทำงาน
ปี 1808 เขาได้รับการแต่งตั้งเข้าร่วมในกองทัพได้รับยศ ร.ท.ในกรมทหารราบที่ 7 เขารับราชการเป็นเวลาถึง 40 ปี เขาได้รับการยกย่องเพราะการสู้รบอย่างกล้าหาญในระหว่างสงครามหลายๆ ครั้ง เช่น สงครามปี 1812, สงครามแบล็คฮอร์ค, สงครามแม็กซิกัน ก่อนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี  5 มีนาคม 1849 เทเลอร์ต้องประสบกับวิกฤตการณ์ระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ เกี่ยวกับปัญหาทาสมีการเสนอให้มีการขับไล่พวกทาสให้อยู่ในขอบเขตจำกัด เทเลอร์ไม่เห็นด้วยความขัดแย้งได้ดำเนินต่อมาจนเทเลอร์ถึงแก่อสัญกรรม
 
9 กรกฎาคม 1850
เทเลอร์ ถึงแก่อสัญกรรมในห้องทำงาน
ประธานาธิบดี คนที่ 10 จอห์น เทย์เลอร์
 
 
 
ประวัติความเป็นมา
เทย์เลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 1790 ที่เขตเกษตรกรรมกรีนเวย์ ในชาร์ลส์ ซิตี้ ครันทรี มลรัฐเวอร์จิเนีย ตระกูลเทย์เลอร์เป็นตระกูลเก่าที่มีชื่อเสียง มารดา ของเขาถึงแก่กรรมเมื่อเขามีอายุได้ 7 ขวบ และบิดาของเขาคือท่านผู้พิพากษา จอห์น เทย์เลอร์ ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้ว่าการมลรัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวัยเด็กเทย์เลอร์เป็น เด็กที่มีสุขภาพอ่อนแอ เมื่ออายุ 21 ปี เทย์เลอร์ได้รับเลือกตั้งเข้าไปในสภาผู้แทน ของรัฐเวอร์จิเนีย ปี 1813 เทย์เลอร์แต่งงานกับ เลลิเตีย คริสเตียน และมีบุตร 8 คน หลังจากภรรยาของเขาถึงแก่กรรมในทำเนียบขาวในเดือนกันยายน 1842 เทย์เลอร์สมรสใหม่กับ จูเลีย การ์ดิเนอร์ ชาวนิวยอร์คสาวสวยผู้มั่งคั่ง เขาเป็น ประธานาธิบดีคนแรกที่แต่งงานในขณะดำรงตำแหน่ง และมีบุตรอีก 7 คน
 
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ 6 เมษายน ค.ศ.1841  ค.ศ.1845
 
การทำงาน
ความแตกแยกในระหว่างนักการเมืองทำให้นโยบายการบริหารงานภายในประเทศ ของเทย์เลอร์ประสบความสำเร็จน้อยมาก และมีความยุ่งยากมาก เทย์เลอร์มักจะ ใช้สิทธิยับยั้งร่างกฎหมายบางฉบับที่เสนอเข้าสู่สภาโดยวุฒิสมาชิกเคลย์  ในเดือน กันยายน 1841 วิกส์ได้ขับเทย์เลอร์ออกจากสมาชิกของพรรค เทย์เลอร์จึงเป็น ประธานาธิบดีคนเดียวของสหรัฐฯ ที่ถูกขับออกจากพรรค  วันที่ 1 มีนาคม 1845 เทย์เลอร์สามารถรวมเท็กซัสเข้าเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของเขา
 
18 มกราคม 1862
เขาป่วยเป็นอัมพาตและถึงแก่อสัญกรรมใน ริชมอนด์ โฮเต็ล ขณะมีอายุได้ 71 ปี เขาตายพร้อมกับทิ้งหนี้สินและความสงสัยไว้หลายประการ รวมถึงการกลายเป็น ผู้ทรยศในรัฐบาลซึ่งครั้งหนึ่งเขาเป็นผู้นำอยู่
ประธานาธิบดี คนที่ 9 วิลเลี่ยม เฮนรี่ แฮร์ริสัน
 

 
ประวัติความเป็นมา
แฮร์รีสัน เกิดวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1773 ในครอบครัวชาวไร่เมืองเบอร์ลีไน ชาร์ลส์ซิตี้ คันทรี รัฐเวอร์จิเนีย บิดาชื่อ เบนจามีน แฮร์รีสัน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ ยอร์จวอชิงตัน บิดาของเขาต้องการให้เขาเป็นแพทย์ จึงส่งให้เขาไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียในคณะแพทย์ศาสตร์ เมื่อบิดาของเขาถึงแก่กรรมในปี 1791แฮร์รีสันก็เลิกเรียนแพทย์และสมัครเป็นทหาร
 
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
30 วัน ในปี ค.ศ.1841
 
การทำงาน
เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่จบชีวิตลงในที่ทำงาน คำพูดสุดท้ายของเขาคือ ข้าพเจ้าไม่ขออะไรมากไปกว่าให้คุณเข้าใจหน้าที่หลักอันแท้จริงของ
รัฐบาล
 
4 เมษายน 1841
เดือนมีนาคมแฮร์รีสันเริ่มเป็นหวัด, ปอดบวม และถึงแก่กรรม รวมอายุได้ 68 ปี
 
ประธานาธิบดี คนที่ 8 มาร์ติน แวน บูเรน
 

 
ประวัติความเป็นมา
แวน บูเรน เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1782 พ่อของเขาคือ อับบาฮัม แวน บูเรน
เป็นกลาสีชาวฮอลแลนด์ แม่ของเขาคือ มาเรียน โฮล์ แวน อาร์เลน พ่อแม่ของ เขาเป็นคนที่มีการศึกษาค่อนข้างต่ำและไม่ค่อยมีความรู้ ในฐานะลูกคนโตเมื่ออายุ 13 ปี เขาเข้าทำงานในสำนักงานทนายความท้องถิ่น อายุ 27 ปีแต่งงานกับ แฮน นาโฮ
 
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ ค.ศ.1837  ค.ศ.1841
 
การทำงาน
วิกฤตการณ์ปี 1837 ได้ก่อให้เกิดความผิดพลาดทางด้านนโยบายต่างๆ ของ
รัฐบาลประธานาธิบดีแจ็คสัน มีการถอนเงินออกจากธนาคารแห่งอเมริกาใน
ฟิลาเดเฟีย ทำให้ธนาคารของอเมริกาขาดความเชื่อถือ  แวน บูเรน ได้ตรา
กฎหมายกู้ยืมเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตรา ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านคำกล่าวสุดท้ายที่จะเป็นตำนานสรุปชีวิตของเขาที่ดีที่สุด คือ ฉัน, มาร์ตินแวน บูเรน ถึงแม้ว่าฉันจะเคยเป็นผู้ว่าการของรัฐ เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ แต่ท้ายที่สุดแล้วความสุขในชีวิตที่ดีที่สุดของฉันก็คือ การกลับมาเป็นชาวนา บ้านเกิดของฉันนั่นเอง
 
24 กรกฎาคม 1862
เขาถึงแก่อสัญกรรม เมื่ออายุได้ 79 ปี มีผู้แบกศพเขาถึง 81 คน รวมทั้งผู้ว่าการรัฐนิวยอร์คด้วย