วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประธานาธิบดี คนที่ 7 แอนดรูส์ แจ็คสัน
Photo of Andrew Jackson
ประวัติความเป็นมา
แจ็คสัน เกิดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 1767 พ่อแม่ของแจ็คสัน แอนดรูส์และ
อลิซาเบธ มาจากไอร์แลนด์เหนือ มาตั้งถิ่นฐานใน แวคส์ ฮอลส์ มลรัฐ
แคโรไลนาใต้
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ ค.ศ.1829 ค.ศ.1837
การทำงาน
ระหว่างสงครามปฏิวัติขณะแจ็คสันอายุได้ 14 ปี ได้เข้าร่วมกับฝ่ายทหารต่อสู้ กับอังกฤษในสมรภูมิ แฮงค์คดินส์ร็อค วันที่ 8 มกราคม 1815 กองทัพอังกฤษ บุกโจมตีนิวออลีนส์ แจ็คสันรวมทั้งคนผิวดำและอาสาสมัครได้ต่อสู้อย่างเต็ม ความสามารถ กองทัพอังกฤษสูญเสียอย่างมาก ชัยชนะของอเมริกาได้ช่วย รักษานิวออลีนส์และหลุยส์เซียน่า แจ็คสันได้กลายเป็นวีรบุรุษของอเมริกา เมื่อเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีได้เกิดนโยบายทางการเมืองเกี่ยวกับ ประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่เป็นจุดเริ่มต้นมาจากพรรคออติ มาโซมิก ในฐานะ ประธานาธิบดี แจ็คสันได้พัฒนาการตัดตำแหน่งบางตำแหน่ง แจ็คสันได้ ดำเนินการนโยบายต่อต้านธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอเมริกา ธนาคาร ดังกล่าวถือหุ้นโดยเอกชนถึง 3 ใน 4 โดยใช้เงินจากรัฐบาลกลาง ต่อมามีการตรากฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการกิจการของธนาคารซึ่งเป็นการทำให้สถานภาพธนาคารของอเมริกามีมากขึ้นในหลายๆ รัฐ ในสมัยที่ 2 เขายังคงดำเนินนโยบายเกี่ยวกับธนาคารต่อ
8 มิถุนายน 1845
แจ็คสันถึงแก่อสัญกรรม เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่มีวิญญาณเพื่อชาติอย่างแท้จริง
ประธานาธิบดี คนที่ 6 จอห์น ควินซี อาดัมส์
Photo of John Quincy Adams
ประวัติความเป็นมา
จอห์น ควินซี อาดัมส์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1767 ที่เมืองเบรนทรี
(เมืองควินซีในปัจจุบัน) รัฐแมซซาซูเซท บิดาของเขาคือ จอห์น อาดัมส์
ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา มารดาของเขาคือ อมิเกล สมิท
อาดัมส์ เป็นสตรีอเมริกันที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุดในสมัยของเธอ
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ 9 กุมภาพันธ์ 1825 ค.ศ.1829
การทำงาน
4 ปีของการบริหารของอาดัมส์เป็นระยะเวลาที่เป็นสุขและเจริญรุ่งเรืองของคน อเมริกา ความต้องการของอาดัมส์คือปกครองแบบประธานาธิบดีของประเทศ ไม่ใช่ปกครองแบบประธานพรรคการเมือง เขาเชื่อมั่นในเสรีภาพโดยมีอำนาจ เขาเห็นชอบในรัฐบาลกลางมีอำนาจมากขึ้นในการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดิน สาธารณะ การสร้างถนนและคลองเพื่อให้ทันการขยายตัวไปทางตะวันตกของ อเมริกา อาดัมส์เป็นผู้อุปการะและสนับสนุนกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ใน รัฐสภา โดยเฉพาะในเรื่องการชั่งตวงวัดและดาราศาสตร์ เขาเป็นผู้นำในการ เคลื่อนไหวเพื่อจัดตั้งสถาบันสมิธโซเนียนในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ ชั้นนำแห่งหนึ่งของประเทศ อาดัมส์เป็นประธานาธิบดีที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบ เขาเป็น
คนไว้ตัว มีลักษณะเย็นชา และอยู่ห่างจากคนทั่วไป ระหว่างเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ทำให้เขาเป็นบุคคลที่มีปัญหา พวกสนับสนุนการมีทาสเรียกเขา ว่า คนบ้าแห่งรัฐแมซซาชูเซท จนกระทั่งใกล้กับปีสุดท้ายของชีวิตอาดัมส์จึง ได้รับความนับถือ และความรักใคร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในใจและความคิดของ คนอเมริกาจำนวนล้านที่เกลียดการมีทาส จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต จอห์น ควินซี อาดัมส์ จึงกลายเป็นคนของประชาชนและประเทศชาติ
22 กุมภาพันธ์ 1848
อาดัมส์ล้มลงบนพื้นของสภาผู้แทนราษฎร เขาถึงแก่กรรมในอีก 2 วันต่อมาในอาคารรัฐสภา (Capital)
ประธานาธิบดี คนที่ 5 เจมส์ มอนโร
Photo of James Monroe
ประวัติส่วนตัว
มอนโรเกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 1758 ในเมืองเวสมอร์แลนด์ รัฐเวอร์จิเนีย
เป็นบุตรชายของสเปนซ์และเอลิซาเบธ โจนส์ มอนโรสูงประมาณ 6 ฟุต
มีดวงตาสีฟ้าอมเทา และใบหน้ามีริ้วรอยซึ่งแสดงความใจดี เขาได้รับความ
เคารพนับถือเนื่องจากความอ่อนน้อมถ่อมตน การตัดสินใจที่กร้าวแกร่ง และ
ความสามารถทางการบริหาร
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ ค.ศ.1817 ค.ศ.1825
การทำงาน
มอนโรได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 1815 และในปี 1820 ลัทธิมอนโร
เป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดเกี่ยวกับการเป็นประธานาธิบดีของมอนไรในปี 1822ลัทธิมอนโรประกอบด้วยประเด็นหลัก 4 ประเด็นคือ
1. ระบบการเมืองของอเมริกาแตกต่างและแยกขาดจากระบบการเมืองของยุโรป
2. อเมริกาไม่ถือเป็นอาณานิคมของยุโรป
3. สหรัฐอเมริกาไม่มีเจตนาจะยุ่งเกี่ยวกับ อาณานิคม หรือประเทศที่อยู่
ในอาณัติของยุโรปซึ่งมีอยู่แล้วในอเมริกา
4. สหรัฐอเมริกาจะเป็นปฏิปักษ์ต่อการขยายอำนาจของยุโรปในอเมริกา
4 กรกฎาคม 1831
มอนโรถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 73 ปี ในปี 1858 ซึ่งเป็นปีครบรอบวันเกิด 100 ปี
ของเขา ศพของเขาถูกย้ายไปริชมอนด์ในเวอร์จิเนีย
ประธานาธิบดี คนที่ 4 เจมส์ เมดิสัน
Photo of James Madison
ประวัติส่วนตัว
เมดิสัน เกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 1751 ที่เมืองปอร์ตคอนเวย์ รัฐเวอร์จิเนีย
ทวดของเขาเป็นช่างไม้ประจำเรือ อพยพมาจากประเทศอังกฤษเมื่อ
ค.ศ.1653
และกลายเป็นผู้ปลูกยาสูบในดินแดนน้ำท่วมของรัฐเวอร์จิเนีย สกุลเมดิสันรุ่น ต่อมา ได้มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเมื่อมีการบุกเบิกดินแดนใหม่
ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ปี ค.ศ.1809 ค.ศ.1817
การทำงาน
เจมส์ เมดิสัน เป็นที่รู้จักกันดีของชาวอเมริกันในฐานะบิดาแห่งกฎหมาย
รัฐธรรมนูญประชาชนตั้งชื่อเขาเช่นนี้ เพราะบทบาทสำคัญที่เขานำมาใน
การวางกรอบของระบบการปกครองประเทศ ซึ่งชาวอเมริกาได้ใช้มาตั้งแต่
ค.ศ.1789 เมื่องานนั้นสิ้นสุดลง เมดิสันมีอายุเพียง 36 ปี แต่เขาได้ทำงาน
ในทางการเมืองมาแล้ว 11 ปี และไม่มีใครสู้เขาได้ในเรื่องการปกครองประเทศ ในระหว่าง 19 ปีสุดท้ายของชีวิต เมดิสันได้ทำกิจการฟาร์มแบบวิทยาศาสตร์ ที่มอนท์เพลเลีย เขาเริ่มต้นวิธีการชลประทาน ซึ่งไม่เป็นที่นิยม จนกระทั่งอีก ศตวรรษต่อมา งานสุดท้ายและยิ่งใหญ่ต่อสหรัฐฯ ที่เมดิสันกระทำใน ค.ศ.1826 รัฐเซาท์แคโรไลน่าประกาศไม่รับรู้รัฐสภาสหรัฐ 6 ปีต่อมาเขาต่อสู้กับ ลัทธิไม่ยอมรับรู้นี้ เขาเขียนบทความต่อต้านในขณะที่เขามีความพิการจาก โรครูมาติสท์ ซึ่งเขาแทบจะเคลื่อนไหวนิ้วมือไม่ได้
ความคิดทางการเมืองตอนแรกๆ ของเขาเป็นเรื่องเสรีภาพของอเมริกา ความคิด สุดท้ายและเป็นของฝากต่อประชาชนชาวอเมริกาเกี่ยวกับวิธีการที่จะรักษาเสรีภาพนั้นไว้ ข้อแนะนำที่ใกล้กับหัวใจของผมมากที่สุดและลึกในความเชื่อของผมมากที่สุดก็คือ สหรัฐอเมริกาต้องได้รับการเชิดชูและรักษาไว้ชั่วนิรันดร์
28 มิถุนายน 1836
เมดิสันถึงแก่กรรมที่ฟาร์มมอนท์เพลเลีย
 
ประธานาธิบดี คนที่ 3 โทมัส เจฟเฟอร์สัน
Photo of Thomas Jefferson
ประวัติส่วนตัว
เขาเกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 1743 ในวัลเบอมาร์ล เคาน์ตี้ รัฐเวอร์จิเนีย
บิดาของเขาคือผู้พันปีเตอร์ เจฟเฟอร์สัน เป็นเจ้าของที่ดินเป็นจำนวนมาก และเป็นนักสำรวจผู้มีชื่อเสียง เขาให้การศึกษาอย่างยอดเยี่ยมแก่บุตรชายและทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมากไว้ให้เขา มารดาของเขาคือ เจน แรนด๊อล์พ เกิดในตระกูลชั้นแนวหน้าตระกูลหนึ่งของเวอร์จิเนีย ปี 1772 เขาสมรสกับ มาร์ธา เวย์เลส สเกลตัน
ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง
ตั้งแต่ ค.ศ.1801 ค.ศ.1809
การทำงาน
เจฟเฟอร์สันอายุเกือบ 58 ปีแล้วเมื่อเขาเป็นประธานาธิบดี เขาปฏิบัติหน้าที่อยู่ 2 วาระเขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกซึ่งได้รับการแนะนำในวอชิงตัน ดี.ซี เขาศรัทธาในประชาชนและนับถือความปรารถนาของพวกเขา เขาลดภาษีต่างๆ ยกเลิกสำนักงานซึ่งเขาคิดว่าไม่จำเป็นและพยายามจะปล่อยให้ทุกคนมีเสรีภาพเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกซึ่งเป็นผู้นำพรรคการเมือง เหตุผลสำคัญระการหนึ่งสำหรับการจดจำการเป็นประธานาธิบดีของเจฟเฟอร์สันคือการที่เขาซื้อเขตแดนหลุยเซียน่าจากฝรั่งเศสในปี 1803 ทำให้อเมริกามีขนาดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เจฟเฟอร์สันเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นผู้เขียนคำประกาศเอกราชและเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของอเมริกา เขายังเป็นนักการทูต สถาปนิก นักดนตรี นักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์ เป็นทนาย ผู้บุกเบิกโรงเรียนของรัฐ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียในปี 1819 และเป็นผู้อุปถัมภ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเรื่องการเรียนรู้และอักษรศาสตร์ เขามีชื่อเสียงมากในฐานะผู้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพและประชาธิปไตยในยุคของเขา และมีชื่อเสียงมากขึ้นในศตวรรษที่ 20 ซึ่งเกิดผู้เผด็จการมากมายหลายคนในโลก
4 กรกฎาคม 1826
ซึ่งเป็นวันครบรอบ 50 ปี ของการประกาศอิสรภาพ เจฟเฟอร์สัน เสียชีวิต
สองศตวรรษหลังจากเขาเกิด มีการสร้างที่ระลึกถึงเจฟเฟอร์สันในวอชิงตัน ดี.ซี
เขาได้อยู่ร่วมกับ วอชิงตันและลินคอล์น ท่ามกลางผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา

Australia

ออสเตรเลีย (อังกฤษ: Commonwealth of Australia) เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย และเกาะอื่นๆในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรเลียประกอบด้วย อินโดนีเซียปาปัวนิวกินี และติมอร์ตะวันออกทางเหนือ หมู่เกาะโซโลมอน วานูอาตู และนิวแคลิโดเนียทางตะวันออกเฉียงเหนือ และนิวซีแลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้ชื่อออสเตรเลียมาจากคำในภาษาละตินว่า australisซึ่งหมายถึงทิศใต้ โดยมีตำนานถึง"ดินแดนทางใต้ที่ไม่รู้จัก" (ละติน: terra australis incognita) ชาวยุโรปเริ่มสำรวจค้นพบออสเตรเลียในพุทธศตวรรษที่22และต่อมาจึงกลายเป็นดินแดนอาณานิคมของบริเตนโดยเริ่มต้นเป็นอาณานิคมนักโทษในนิวเซาท์ เวลส์และจึงมีการตั้งอาณานิคมขึ้นอีกห้าแห่งอาณานิคมทั้งหกรวมตัวเป็นสหพันธรัฐในปีพ.ศ. 2444 ออสเตรเลียมีชนพื้นเมืองซึ่งอาศัยตั้งแต่ก่อนชาวยุโรปเข้ามา เรียกว่าชาวอะบอริจิน
ประวัติศาสตร์ประเทศออสเตรเลีย
Willem Janszoon
ชนพื้นเมืองในออสเตรเลียก่อนการตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรป คือชาวอะบอริจินและชาวเกาะทอร์เรสสเทรตซึ่งชนเหล่านี้มีภาษาแตกต่างกันนับร้อยภาษา ประมาณการว่ามีชาวอะบอริจินมากกว่า 780,000 นอยู่ในออสเตรเลียในปี พ.ศ. 2331การค้นพบออสเตรเลีย ของชาวยุโรปครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้ เกิดขึ้นในปีพ.ศ.2149เป็นเรือของชาวดัตช์โดยกัปตัน WillemJanszoonทำแผนที่ชายฝั่งส่วน หนึ่งของออสเตรเลียระหว่างปีพ.ศ. 2149 และ 2313มีเรือของชาวยุโรปประมาณ54ลำจากหลายชาติเดินทางมาที่ออสเตรเลียซึ่งรู้จัก ในขณะนั้นว่านิวฮอลแลนด์ในปีพ.ศ.2313เจมส์คุกเดินทางมาสำรวจออสเตรเลียและทำแผนที่ชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย และได้ประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ให้ชื่อว่านิวเซาท์เวลส์ต่อมาสหราชอาณา จักรใช้ออสเตรเลียเป็นอาณา นิคมสำหรับนักโทษ(penalcolony)ฝูงเรือแรก เดินทางมาถึงออสเตรเลียที่อ่าวซิดนีย์ในปีพ.ศ. 2330 ในวันที่ 26 มกราคม (ค.ศ. 1788)ซึ่งต่อมาเป็นวันออสเตรเลีย ผู้ตั้งถิ่นฐานยุคแรกส่วนใหญ่เป็นนักโทษและครอบครัว ของทหารโดยมีผู้อพยพเสรีเริ่มเข้ามาในปีพ.ศ.2336 มีการตั้งถิ่นฐานบน
เกาะแทสเมเนียหรือชื่อในขณะนั้นคือฟานไดเมนส์แลนด์ ในปีพ.ศ. 2346 และตั้งเป็นอาณานิคมแยกอีกแห่งหนึ่งในปีพ.ศ. 2368 สหราชอาณาจักรประกาศสิทธิในฝั่งตะวันตกในปี พ.ศ. 2372 และเริ่มมีการตั้งอาณานิคมแยกขึ้นมาอีกหลายแห่ง ได้แก่เซาท์ออสเตรเลีย วิกตอเรีย และควีนส์แลนด์ โดยแยกออกมาจากนิวเซาท์เวลส์ เซาท์ออสเตรเลียไม่เคยเป็นอาณานิคมนักโทษ ในขณะที่วิกตอเรียและเวสเทิร์นออสเตรเลียยอมรับการขนส่งนักโทษภายหลัง เรือนักโทษลำสุดท้ายมาถึงนิวเซาท์เวลส์ในปี พ.ศ. 2391 หลังจากการรณรงค์ยกเลิกโดยกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานการขนส่งนักโทษยุติอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ. 2396 ในนิวเซาท์เวลส์และแทสเมเนีย และปีพ.ศ. 2411 ในเวสเทิร์นออสเตรเลียปีพ.ศ. 2394 เอดเวิร์ด ฮาร์กรีฟส์ ค้นพบสายแร่ทอง ในที่ๆเขาตั้งชื่อว่าโอฟีร์ (Ophir) ในนิวเซาท์เวลส์
ชาวอะบอริจิน
ทำให้เกิดยุคตื่นทองนำคนจำนวนมากเดินทางมาออสเตรเลียในปีพ.ศ.2444หกอาณานิ คมในออสเตรเลียรวมตัวกันเป็นสหพันธรัฐในชื่อเครือรัฐ ออสเตรเลีย (Common wealth of Australia)ประกอบด้วยรัฐนิวเซาท์เวลส์รัฐวิกตอเรียรัฐควีนส์แลนด์รัฐเซาท์ออสเตร เลีย รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียและรัฐแทสเมเนียรวมหกรัฐเข้าอยู่ภายใต้ รัฐธรรมนูญหนึ่งเดียว เฟเดอรัล แคพิทัลเทร์ริทอรีก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ.2454เป็นเมืองหลวงของ สหพันธรัฐ จากส่วนหนึ่งของรัฐนิว เซาท์ เวลส์บริเวณแยส-แคนเบอร์ราและเริ่มดำเนิน งานรัฐสภาในแคน เบอร์รา ในปีพ.ศ. 2470 ในปีพ.ศ. 2454นอร์เทิร์นเทร์ริ ทอรี แยกตัวออกมาจากเซาท์ออสเตรเลียและเข้าเป็นดินแดนในกำกับของสหพันธ์ ออสเตรเลียสมัครใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมถึง60,000 คนจากประชากรชายน้อยกว่าสามล้านคนออสเตรเลียประกาศใช้บทกฎหมายเวสต์มินสเตอร์ คริสต์ศักราช 1931(พ.ศ. 2474) ในปีพ.ศ. 2485โดยมีผลบังคับใช้ย้อนไปตั้งแต่ 3กันยายนพ.ศ.2482ซึ่งเป็นการยุติบทบาทนิติบัญญัติของสหราชอาณาจักรในออสเตรเลียเกือบทั้งหมดในสงคราม โลกครั้งที่สองออสเตรเลียประกาศสงครามกับ
เยอรมนีพร้อมกับสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสหลังจากเยอรมนีบุกโปแลนด์ ออสเตรเลีย ส่งทหารเข้าร่วมสมรภูมิในยุโรปเมดิเตอร์เร เนียนและแอฟริกาเหนือแผ่นดินออสเตรเลีย โดนโจมตีโดยตรงครั้งแรกจากการเข้าตีโฉบฉวยทางอากาศของญี่ปุ่น ที่ดาร์วินออสเตรเลียยุตินโยบายออสเตรเลียขาวโดยดำเนินการขั้นสุดท้ายในปีพ.ศ.2516พระราชบัญญัติออสเตรเลียคริสต์ศักราช1986(พ.ศ.2529)ยกเลิกบทบาทของสหราชอาณาจักรในอำนาจนิติบัญญัติและตุลาการของ ออสเตรเลีย โดยสิ้นเชิงในปีพ.ศ.2542 ออสเตรเลีย จัดการลงประชามติว่าจะให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐมีประธานาธิบดีแต่งตั้งจากรัฐสภาหรือไม่ซึ่งคะแนนเสียงเกือบ55%ลงคะแนนปฏิเสธ
วัฒนธรรมและประชากรประเทศออสเตรเลีย
วัฒนธรรมของออสเตรเลียมีลักษณะเป็นวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะแบบอังกฤษหรือแองโกล-เคลติกแต่ก็ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะซึ่งพัฒนามาจากสภาพแวดล้อมและชนพื้นเมืองในระยะหลัง วัฒนธรรมของออสเตรเลียยังได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอเมริกันประเทศ ออสเตรเลียมีประชากรทั้งหมด 19ล้านคน ส่วนมากอทศัยอยู่ทางชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเฉียงใต้ และในแทสมาเนียซึ่งประมาณ85%ของประชากรทั้งหมดอาศัยอยู่ใกล้หรืติดชายฝั่งทะเลชาวออสเตรเลีย ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการและดำเนินชีวิตแบบตะวันตกประเทศออสเตรเลีย เปรียบเสมือนบ้านของคนจาดทั่วทุกมุมโลกประชากรประมาณ1ใน5ของประชากรทั้งหมด ที่อาศัยในประเทศออสเตรเลียเป็นชาวต่างชาติ ทั้งจากเอเชียยุโรปอังกฤษและ อเมริกา ปัจจุบันนี้ประเทศออสเตรเลียได้มีการติด ต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคอย่างใกล้ชิดประชากรพื้นเมืองของออสเตรเลีย ได้แก่​ชาวอะบอริจินบนแผ่นดินหลักและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส​ซึ่งมีทั้งหมด 410,003คน ในปีพ.ศ.2544 (ร้อยละ ​2.2 ​ของประชากร)
สภาพภูมิอากาศประเทศออสเตรเลีย
สภาพภูมิอากาศของออสเตรเลียแตกต่างกันในแต่ละรัฐ สภาพอากาศทั่วไปจะเป็นแบบเขตร้อนจนถึงเขตอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดที่ทัสเมเนียประมาณ 11-12 องศาเซลเซียส และร้อนสุดที่มณฑลตอนเหนือประมาณ 34 องศาเซลเซียส
-ฤดูใบไม้ผลิ กันยายน - พฤศจิกายน อากาศดี ดอกไม้บานสวยงาม
-ฤดูร้อนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อากาศร้อนและแห้งแล้ง บางแห่งร้อนจัด
-ฤดูใบไม้ร่วงมีนาคม – พฤษภาคม อากาศเริ่มเย็นลงตามเมืองชายฝั่งทางตอนใต้และเมืองในเขตป่าฝนจะตกชุก
-ฤดูหนาวมิถุนายน – สิงหาคม อากาศเย็นจัด มีหิมะตกบนเขตภูเขาสูงโดยทั่วไป
ตลอดทั้งปีออสเตรเลียจะมีท้องฟ้าใสและแดดแรง โดยเฉพาะตามเมืองชายทะเลและเมืองในแถบทะเลทราย จึงควรป้องกันการถูกแดดเผาโดยการใส่หมวกปีกกว้างและทาครีมกันแดดเสมอ
ภาษาประเทศออสเตรเลีย
ภาษาอังกฤษ
สกุลเงินประเทศออสเตรเลีย
สกุลเงินออสเตรเลียใช้หน่วยเงินเป็นดอลล่าร์ออสเตรเลีย (100เซ็นต์จะเท่ากับ1ดอลล่าร์)
ธนบัตรจะมีตั้งแต่ 100 , 50 , 20 , 10 และ 5 ดอลล่าร์ ส่วนเหรียญจะมีตั้งแต่ 5 , 10 , 20 ,50 เซ็นต์ 1 และ 2 ดอลล่าร์ บริการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จะมีให้บริการที่สนามบินระหว่างประเทศแก่ทุกเที่ยวบินที่เดินทางเข้าและออก ประเทศและการแลกเปลี่ยนเงินตราหรือการแลกเช็คเดินทางสามารถทำได้อย่างรวดเร็วได้ที่ธนาคารส่วนใหญ่ในประเทศ บัตรเอทีเอ็มสามารถใช้ได้ในประเทศได้ที่ตู้เอทีเอ็มทุกๆแห่งบัตรเอทีเอ็มของประเทศอื่นๆก็สามารถใช้ได้เช่นกัน การจะเป็นเจ้าของ บัตรจะต้องใช้ระหัสประจำตัว(Personal Identification Number หรือ PIN) ในการเข้าใช้บริการหรือกดเงินสด ซึ่งเจ้าของบัตรสามารถติดต่อขอข้อมูลสำหรับบริการต่างๆและค่าธรรมเนียม ของการใช้บัตรจากธนาคารเจ้าของบัตรได้
ศุลกากรประเทศออสเตรเลีย
กฎหมายของออสเตรเลียได้ระบุไว้อย่างเข้มงวดว่าห้ามนำยาเสพย์ติด อาวุธต่างๆ ,ปืน และสิ่งของอื่นๆ ที่มีการระบุว่าห้ามนำเข้าประเทศอย่างเด็ดขาด โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเสพย์ติดซึ่งกฎหมายจะเข้มงวดเป็นพิเศษห้ามนำเข้าขนสัตว์ หนังสัตว์ งาช้างและอวัยวะอื่นของสัตว์และนกประเภทต่างๆ นักท่องเที่ยวห้ามนำอาหารและพืชชนิดต่างๆเข้ามาในออสเตรเลีย หรือถ้ามีจะต้องแจ้งไว้ในบัตรผู้เดินทางขาเข้าประเทศและต้องนำกระเป๋าเดินทางไปแสดงที่ช่องตรวจสีแดงเพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาหารและพืชที่นำ เข้ามาในประเทศและถ้าตรวจสอบแล้วว่าไม่มีผลเสียใดๆก็จะได้รับคืนสำหรับที่ตรวจสอบแล้วไม่ผ่านจะต้องส่ง กลับประเทศ
เมืองน่าเที่ยวประเทศออสเตรเลีย
Sydney
Sydney ซิดนี่ย์ Sydney New South Wales (NSW) มี Sydney เป็นเมืองหลวง เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดและเป็นเมืองที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย มีชื่อเสียงในเรื่องชายหาด และความหลากหลายของวัฒนธรรม
Melbourne
Melbourne เมลเบิร์น
Victoria (VIC) มี Melbourne เป็นเมืองหลวงเป็นเมืองที่ทั่วโลกรู้จักในเรื่องของวัฒนธรรมและความผสมผสานทางศิลปะบ่อยครั้งที่ถูกเปรียบเทียบกับยุโรปในเรื่องของสถาปัตยกรรมและวิธีการ
Brisbane
Brisbane บริสเบน Queensland (QLD) มี Brisbane เป็นเมืองหลวงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั้งของชาวออสเตรเลียและนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีอากาศที่ดี Great Barrier Reef เป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลก
Perth
Perth เพิร์ท เพิร์ธ Western Australia (WA) มี Perth เป็นเมืองหลวง เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุด แต่มีประชากรเพียงแค่ 8% อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุประมาณ 25% GDP