วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของข้าว


 
วิตามินอี
สารแอนตี้ออกซิแดนด์ที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยลดการจัดตัวเป็นลิ่มเลือด ลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และยังมีประโยชน์ในด้านของความสวยความงามที่ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง
เบต้าแคโรทีน
มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดอีกเช่นกัน
ลูทีน
สารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา เหมาะสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ หรือผู้ที่ต้องใช้สายตาอย่างหนัก เพราะลูทีนมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก
สารทองแดง
สารอาหารที่มีความสำคัญอีกตัวหนึ่ง เนื่องจากทองแดงเป็นส่วนประกอบในเอนไซม์ของอวัยวะในร่างกายหลายๆ ส่วนเลยทีเดียว เมื่อร่างกายขาดสารอาหารประเภทนี้จะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง มีเม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติและเม็ดเลือดแดงต่ำลง
ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กอยู่ในเม็ดเลือดแดง โดยเป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบิน ซึ่งก็คือสารที่ให้สีของเม็ดเลือดแดง เป็นตัวส่งออกซิเจนในเลือดไปสู่อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย รักษาและป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง ช่วยให้มีพลังและรู้สึกกระฉับกระเฉง

วิธีการจำหนังสือ

 

 
1. ปิด ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต mp3 มีสติอยู่กับหนังสือ
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที
3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ
4. เช็คคำตอบ
5. อ่านอีกหนึ่งรอบ
6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน
7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น
8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ
10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของแครอท

 

 

1. บำรุงสายตา
          เพราะในแครอทอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน หนึ่งในวิตามินที่ร่างกายต้องการอีกทั้งมีประโยชน์ที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตาของเราด้วย โดยเฉพาะเนื้อเยื่อชั้นในของดวงตา หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า เรติน่า ซึ่งการที่คุณรับประทานแครอทบ่อย ๆ ยังช่วยถนอมดวงตาให้สามารถมองเห็นได้อย่างปกติไปอีกนานเท่านานเลยเชียวล่ะ

2. ป้องกันมะเร็ง          เป็นที่รู้กันดีว่าแครอทนั้นมีประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันโรคมะเร็งโดยเฉพาะการก่อตัวของมะเร็งปอด ทั้งนี้เป็นเพราะในแครอทเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง ฟาลคารินอล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี ฉะนั้น ควรใส่แครอทเป็นส่วนผสมในอาหารจากหลักของคุณด้วยนะ

3. เพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบไหลเวียนของเลือด          เนื่องจากผู้คนในปัจจุบันไม่ค่อยใส่ใจกับการทานอาหารสักเท่าไหร่ ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดอุดตันได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบทานของหวานและของทอด ทั้งนี้สารในแครอทจะเข้าไปกำจัดไขมันที่เกาะสะสมอยู่ในเส้นเลือด ซึ่งช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

4. รักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือด           ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่และมีรูปร่างแบบใด ก็มีสิทธิ์ที่จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้เหมือนกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานมากเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เหล่านั้นก็ควรหมั่นทานแครอทอยู่เป็นประจำ เนื่องจากในแครอทมีสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งสารตัวนี้จะเข้าไปช่วยรักษาสมดุลระดับน้ำตาลในเส้นเลือดของคุณนั่นเอง

5. ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร          สำหรับคนที่อยากจะมีหุ่นดี ๆ ฟิต แอนด์ เฟิร์มหรือคนที่อยากจะลดน้ำหนักล่ะก็ การทานแครอทถือเป็นตัวช่วยที่ดีเลยเชียวล่ะ เพราะแครอทจะเข้าไปเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ซึ่งช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
6. บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง          แครอท ยังมีสรรพคุณในเรื่องของการช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย เพราะทำให้ผิวชุ่มชื่น และดูเปล่งปลั่งอยู่เสมอ เพราะในแครอทชุ่มช่ำไปด้วยน้ำ เมื่อคุณทานเข้าไปก็เท่ากับว่าร่างกายได้รับน้ำเพิ่มมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านั้น น้ำและสารอาหารของแครอทยังมีประโยชน์ในเรื่องของการบำรุงเส้นผมด้วย
7. เสริมความแข็งแรงของฟัน          แครอทไม่ได้มีประโยชน์แค่ระบบต่าง ๆ ในร่างกายของคุณเท่านั้น เพราะยังช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของอวัยวะต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยในระหว่างที่คุณกำลังกัด ขบ เคี้ยวแครอท ถือเป็นการเสริมสร้างสุขภาพฟันให้ดีขึ้นด้วย ฉะนั้นในแต่ละมื้ออย่าลืมหยิบแครอทมาเคี้ยวกันด้วยนะ
8. เพิ่มประสิทธิภาพให้กับภูมิคุ้มกัน          อีกหนึ่งประโยชน์ที่ร่างกายของคุณจะได้รับจากแครอทนั่นก็คือ การมีภุมิคุ้มกันร่างกายที่แข็งแรง ทั้งนี้เป็นเพราะแครอทมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งมีคุณสมบัติในการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายเป็นปกติรวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะกินแครอทแบบดิบ ๆ หรือผ่านการปรุงสุกมาแล้วก็ตาม 
9. มีฤทธิ์ขับพยาธิ          สำหรับคนที่ต้องการขับพยาธิ ยาถ่ายอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป เพราะแครอทมีฤทธิ์ช่วยในการขับถ่ายพยาธิได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการรักษาที่ไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกายด้วย รับรองเลยว่าเป็นยาที่ปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อย่าลืมหามาทานกันนะ
10. ของว่างเพื่อสุขภาพ          ปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าแครอทสามารถนำไปประกอบอาหารคาวได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วแครอทสามารถนำมาทำขนมได้เหมือนกัน เช่น ขนมปังโฮลวีทแครอท หรือดื่มน้ำแครอทหวาน ๆ สักแก้วในระหว่างมื้อ สามารถช่วยดับหิวและดับกระหายได้ไม่ต่างจากขนมหวานและเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เลย












 ประโยชน์ของฟักทอง



สรรพคุณทางยาของฟักทอง

- เมล็ดสามารถขับพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะ และบำรุงร่างกายได้ดี
- ราก บำรุงร่างกาย แก้ไอ ถ่อนพิษของฝิ่นได้
- น้ำมันจากเมล็ดบำรุงประสาทได้ดี
- เยื่อกลางผลสามารถนำมาพอกแก้อาการฟกช้ำ ปวด อักเสบ

ประโยชน์ของฟักทองทางโภชนาการ

- เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูงมาก มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง สารสีเหลืองและโปรตีน
- ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ
- ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย
- เมล็ด มีน้ำมัน แป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน


วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556


การนอนละเมอ

การละเมอเกิดมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆคือ
 1. สิ่งกระตุ้นจากภายนอก เช่น หนังเขย่าขวัญ ภาพน่ากลัว หรือกิจกรรมในตอนกลางวันอันชวนตื่นเต้น ทำให้ฝังใจ แม้ยามหลับก็ยังนึกถึงอยู่
2. สิ่งกระตุ้นจากภายใน ความเครียด ความเหนื่อยล้า การปรับเปลี่ยนเวลานอน กรรมพันธุ์ เช่น การทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้พักผ่อน การคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ก่อนนอน

การละเมอในตอนดึก จะส่งผลทำให้ในวันรุ่งขึ้นคุณจะทำงานได้ไม่ดี ไม่สดชื่นหลังจากตื่นนอน คุยกับเพื่อนก็ไม่สนุก หลับในที่ทำงานเอาง่าย ๆ คือประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ ของคุณจะลดลง ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

สมาคมแพทย์ประสาทวิทยาของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยผลการศึกษาว่า ได้มีผู้เกิดอาการละเมอเดินระหว่างการนอนมากขึ้น และมีผู้ละเมอเดินแล้วเกิดอุบัติเหตุมากถึง 32% และที่รุนแรงถึงกับได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกมี 19%

สำหรับวิธีแก้ไขนั้น ควรจัดที่จัดทางในห้องนอนให้ดี เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมอ
ทำ
ใจให้สงบ นั่งสมาธิก่อนนอน ทำจิตใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ และตรงเวลา


ไม่ควรทานยานอนหลับ แต่หากปฏิบัติตามนี้แล้วยังคงมีอาการละเมอที่หนักยิ่ง ๆ ขึ้นไปอยู่
ก็ควรที่จะเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อรักษา   


 

แก้อาการนอนกรนด้วยตัวเอง

  นอนหลับบนฟูกที่แข็งและหมอนรองศีรษะต่ำ เพื่อให้ลำคอตรงและลดการอุดขวางทางเดินอากาศในช่องลม
  หากคุณนอนกรนเฉพาะตอนที่นอนหงายเท่านั้น ให้ลองนอนท่าอื่น วิธีหนึ่งก็คือให้นอนคว่ำ วางแขนข้างหนึ่งไว้ใต้หมอน เพื่อให้ศีรษะมั่นคง เทคนิคอีกอย่างหนึ่งคือนอนตะแคงข้างแล้วเอาผ้ามาม้วน ๆ ค้ำเอาไว้ข้างตัวทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ้งตัวกลับไปนอนหงายได้อีก หรืออาจทดลองใช้ "snore-ball" โดยเย็บกระเป๋าติดไว้ที่ด้านหลังของเสื้อนอนด้านบน โดยให้อยู่ระหว่างหัวไหล่ทั้งสองข้าง จากนั้นเอาลูกกอล์ฟ หรือลูกเทนนิสใส่ลงไปในกระเป๋านั้น มันจะช่วยบังคับให้เราต้องนอนตะแคง
หากคุณสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย โดยการนอนหงายเท่านั้น ให้ลองนอนโดยไม่ต้องมีหมอนเพื่อให้ศีรษะยืดขึ้น หรือลองวางแผ่นผ้าหนุนใต้คางเพื่อให้ปากปิดอยู่เสมอ
  หากสูบบุหรี่ บุหรี่ทำให้กรน เพราะไปเพิ่มการผลิตเยื่อเมือกในจมูกและคอมากขึ้น เนื่องจากไปทำให้เกิดการระคายเคือง และทำให้เนื้อเยื่อเมือกในคอและทางเดินหายใจส่วนบนบวม และไปทำให้ปอดรับออกซิเจนน้อยลง
  หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์เป็นตัวกดระบบประสาทส่วนกลางทำให้การหลับลึกกว่าปกติ ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายกว่าเดิม และทำให้นอนกรนมากขึ้น


9วิธีแก้โรคนอนไม่หลับ

1. งดเครื่องดื่มกาแฟ เป็นที่ทราบกันว่าคาเฟอีนมีสารกระตุ้นที่ทำให้นอนไม่หลับ แต่รู้ไหมว่าสารดังกล่าวยังตกค้างอยู่ในร่างกายอีกด้วย? ดังนั้นทางที่ดี คือ กำจัดมันออกไปจากอาหารที่คุณกินหรืองดดื่มคาเฟอีนตั้งแต่มื้อเที่ยงเป็นต้นไป อย่าลืมคาเฟอีนที่ซ่อนอยู่ในน้ำอัดลม และของว่างต่าง ๆ เช่น โค้ก ช็อกโกแลต เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นอนไม่หลับ อ่านฉลากข้างกระป๋อง และข้างถุงผลิตภัณฑ์ให้ละเอียด ดื่มชาสมุนไพร เช่น ชาคาโมมาย์ล หรือชาดอกมะนาว ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายแทนชาหรือกาแฟ เนื่องจากในชาทั้งสองชนิดนี้มีสารที่ช่วยให้จิตใจสงบเยือกเย็น และปลอดคาเฟอีน
2. อาบน้ำก่อนนอน การแช่ตัวในน้ำอุ่นก่อนนอน จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายจากความเครียดทั้งปวง แต่อย่าแช่น้ำนานเกินไป เพราะแทนที่จะหายเครียดกลับเครียดหนักขึ้น เนื่องจากการแช่ตัวในน้ำร้อนนานเกิน จะทำให้ผิวสูบเสียความชุ่มชื่น ดูไม่มีชีวิตชีวา เพื่อช่วยให้หลับสบาย อย่าลืมหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ 2-3 หยด ลงในน้ำที่อาบ หรือจะใช้น้ำนมอาบน้ำ

3. จัดห้องให้น่านอน แปลงโฉมห้องนอนให้เป็นที่ที่คุณอยากใช้เวลาอยู่นานๆ จัดข้าวของที่ระเกะระกะให้เข้าที่ ทำห้องให้มีกลิ่นหอมด้วยการวางถุงกลิ่นลาเวนเดอร์ และแจกันดอกไม้สด จัดห้องนอนให้มีแสงสลัว ๆ โปร่ง และอากาศถ่ายเทได้ดี หาอะไรปิดส่วนที่เรืองแสงของนาฬิกาปลุก ซึ่งนอกจากจะให้แสงสว่างเป็นพิเศษแล้ว ยังทำให้เราหันความสนใจไปที่นาฬิกาตลอดทั้งคืน ตั้งเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิพอเหมาะ ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งทำให้ห้องเย็นสบายกำลังดี

4. สมุนไพรพึ่งได้ มีสมุนไพรหลายตัว โดยเฉพาะสมุนไพรจีนช่วยคลายเครียด ทำให้นอนหลับได้ดี เช่น ถั่งเฉ้า มีลักษณะเป็นแท่งยาว ๆ มีสีเหลืองเป็นมันเงา ประกอบด้วยวิตามินบี 12 โปรตีน กรดไขมัน ทั้งอิ่มตัว และไม่อิ่มตัว มีสรรพคุณช่วยระงับประสาท ทำให้นอนหลับสนิท พุทราจีน เป็นผลไม้บำรุงสุขภาพที่ดีของคนจีน สามารถกินได้ทั้งสดและแห้ง แก้อาการนอนไม่หลับ เนื้อในเมล็ดช่วยผ่อนคลายประสาท ทำให้นอนหลับสบาย โสม จัดเป็นสมุนไพรจีนที่ใช้รักษาโรคมากกว่า 2,000 ปี สารไบโอแอคทีฟ (bioactive) ในโสมช่วยแก้โรคนอนไม่หลับ และรักษาโรคความจำเสื่อม ลดความเครียด ดอกไม้จีนหรือจำฉ่ายเป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับลิลลี่ เกสรดอกไม้จีนมีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้สดชื่น และมีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อน ๆ จึงช่วยให้หลับสบาย

5. ยืดเส้นยืดสาย คนที่เคลื่อนไหวร่างกายขณะทำงานในระหว่างวัน จะมีปัญหาในการนอนน้อยกว่าคนที่นั่งปักหลักอยู่กับโต๊ะทำงาน การออกกำลังกายแค่วันละ 15 นาที จะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจน ทำให้ผ่อนคลาย และนอนหลับง่ายขึ้น ระหว่างวันควรออกไปเดินเล่นในสวน หรือเดินยืดเส้นยืดสายหลังอาหารเย็น หลังเดินออกกำลังแล้ว ให้พักประมาณครึ่งชั่วโมง จึงค่อยเข้านอน ทั้งนี้เพื่อให้อัตราการเต้นหัวใจและร่างกายทำงานช้าลงก่อนถึงจะสามารถเข้านอนได้

6. กินอย่างถูกต้อง การเข้านอนขณะท้องหิว หรืออิ่มแปล้จะไปรบกวนการนอน ซึ่งรวมถึงการกินอาหารก่อนนอนด้วย ไม่ควรกินอาหารเย็นหลัง 2 ทุ่ม และถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเหลี่ยงโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพราะจะเป็นเหมือนยาชูกำลังที่ไปกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมน ที่ทำให้ร่างกายเกิดความคึกคัก กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้ง อาหารเย็นควรเป็นข้าว มันฝรั่ง พาสต้า ผัก ที่มีรากเป็นลำต้นใต้ดิน ถั่วต่าง ๆ อาหารเหล่านี้ทำให้ร่างกายผลิตเซโรโตนิน ที่ช่วยในการนอนหลับ

7. เอนตัวลง และทำจิตใจให้ผ่อนคลาย เปิดเพลงทำนองเบาๆ ฟังสบายๆ ขณะนอน หรือจะเปิดเทปบันทึกเสียงธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกสงบ เยือกเย็น เช่น เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ปิดไฟในห้องนอน นอนซุกตัวใต้ผ้าห่ม ปล่อยให้เสียงนั้นขับกล่อมคุณ จากนั้นหายใจลึกๆ ช้าๆ เพ่งสมาธิไปที่แขนขาแต่ละข้าง โดยเริ่มจากที่เท้า จินตนาการว่าแขนขานั้นจมหายลงไปในเตียง ควรใช้เครื่องเล่นเทป หรือซีดีที่ปิดเองอัตโนมัติ เพราะจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาปิดเวลาเคลิ้มๆ ใกล้จะหลับ 
8. ลุกขึ้นเดิน หากตื่นขึ้นกลางดึก และไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ภายใน 30 นาที จงลุกขึ้น อย่านอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา รอเวลาจนเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เพราะนั่นจะทำให้รู้สึกหงุดหงิด อย่าเปิดทีวี อ่านหนังสือ หรือนั่งบนเตียงคิดเรื่องที่ยังติดค้างอยู่ในสมอง แม้นั่นจะเป็นวิธีฆ่าเวลายามนอนไม่หลับ แต่ไม่ควรทำ คุณจำเป็นต้องฝึกให้ร่างกายรับรู้ว่าเตียงนอนใช้เป็นที่สำหรับนอน แม้ว่าสิ่งที่คุณทำบนเตียงจะเป็นกิจกรรมสบายๆ ประเภทดูหรือฟังก็ตาม เพราะนั่นสามารถเข้าไปกระตุ้น หรือรบกวนจิตใจได้ หากตื่นขึ้นกลางดึก ให้ลุกจากเตียงไปเอนหลังบนโซฟา หรือเก้าอี้ตัวโปรดที่นั่งสบายๆ หลับตาลง ทำจิตใจให้สบายจนรู้สึกง่วงแล้วจึงค่อยลับไปนอนที่เตียง

9. มหัศจรรย์แห่งนม ตอนเด็กๆ แม่จะให้เราดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอน เพราะในนมมีกรดอะมิโนที่เรียกว่า ทรัยป์โตฟาน ช่วยให้นอนหลับสบาย และยังมีแคลเซียมสูง ช่วยผ่อนคลายประสาท ทำให้จิตใจสบาย บางคนบอกว่าการดื่มนมอุ่นๆ ช่วยคลายเครียด และหายอ่อนเพลีย จากการศึกษาวิจัยพบว่า เมลาโทนิน (melatonin) ช่วยให้นอนหลับ โดยเฉพาะนมที่รีดจากแม่วัวตอนเช้ามืด เพราะเป็นช่วงเวลาที่นมวัวมีเมลาโทนินสูงสุด

ขอบคุณ ข้อมูลจาก : HealthPlus
ที่มา board.palungjit.com/showthread.php?t=142311
The Great Pyramid of Egypt เมืองกิซา ประเทศอียิปต์
ปิรามิดเป็นสิ่งก่อสร้างรูปกรวยเหลี่ยมสำหรับเป็นที่เก็บศพกษัตริย์อียิปต์โบราณ ในอียิปต์มีอยู่ 70 ด้วยกัน แต่ปิรามิด 3 แห่งที่อยู่เมืองกีซ่า คือ หลุมฝังศพของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์(พระเจ้าคูฟู) คีเฟรน และไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดสันนิษฐานว่าปิรามิดนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ 4600 ปีมาแล้ว นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและยังคงตั้งตระหง่านอยู่เพียงแห่งเดียวในโลก ใช้เวลาสร้าง 10 ปี

ปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามอันแห่งเมืองกีซ่านี้ ที่ใหญ่ที่สุดคือปิรามิดของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์ เรียกว่ามหาปิรามิด

- ฐานของปิรามิดแห่งนี้มีความกว้างถึง 570,000 ตาราง768 ฟุต บริเวณฐานปิรามิด 4 ด้านนั้น มีความกว้างยาวเท่ากัน คือ 755 ฟุต หรือ 230.12 เมตร จะแตกต่างกันมากน้อยแค่ 8 นิ้ว

- ตัวมหาปิรามิดนี้สูงประมาณ 432 ฟุตประมาณได้ว่ามีหินก้อนมหึมาถึง 2,300,000 ก้อน หนักกว่า 6,000,000 ตัน แต่ละก้อนหนักถึง 2.5 ตัน บางก้อนหนักถึง 16 ตัน กว้างยาวประมาณ 3 ฟุต หรือ 1 เมตร

สันนิษฐานว่าผู้สร้างปิรามิดนี้อาศัยดวงดาวเป็นหลัก นอกจากความใหญ่โตอันน่ามหัศจรรย์ของปิรามิดแล้ว การก่อสร้างให้สำเร็จยัง น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าหลายเท่าถ้าทราบว่าหินเหล่านี้ต้องสกัดมาจากภูเขาที่อยูไกล แล้วลากมาสู่ฝั่งแม่น้ำไนล์ ล่องลงมาเป็นระยะทางนับร้อยไมล์ จึงมาถึงจุดใกล้ที่ก่อสร้าง แล้วชักลากผ่านทะเลทรายไปถึงที่ก่อส้างต้องแต่งสลักเป็นแท่งสี่เหลี่ยม แล้วยก วางซ้อนขึ้นไปจนถึง 432 ฟุต

ใจกลางปิรามิดมีห้องเก็บพระศพของพระเจ้าคีออพส์ข้างในทำจากหินแกรนิต กว้าง 34 ฟุต ยาว 17 ฟุต และสูง 19 ฟุต หีบพระศพของพระเจ้าคีออพส์ทำด้วยหินแกรนิตตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของห้องปิรามิดของพระเจ้าคีออพส์ ล้อมรอบด้วยหลุมศพ และปิรามิดเล็ก ๆ อีก 3 แห่ง ซึ่งเป็นของสมาชิกในราชวงศ์และในราชสำนักชั้นสูง

ปิรามิดแห่งที่สองของกีซ่าเป็นปิรามิดคีเฟรน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิด เล็กกว่ามหาปิรามิดเล็กน้อย คือสูง 460 ฟุต ช่วงบนของปิรามิดนี้มีลักษณะเด่นเพราะเป็นหินปูนขาว

ปิรามิดไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้งสามแห่ง สูงแค่ 230 ฟุต นอกเหนือจากปิรามิดทั้งสามแล้วยังมี ตัวสฟิงซ์ซึ่งมีชื่อเสียงมากเช่นกัน โดยแกะสลักหินก้อนใหญ่เป็นรูปสิงโตหมอบอยู่แต่หน้าเป็นมนุษย์ใบหน้านี้เป็นใบหน้าของพระเจ้าคีเฟรน ซึ่งมีคนนับถือเป็นพระเจ้าแห่งพระอาทิตย์ รูปสฟิงซ์นี้สูงถึง 66 ฟุต ยาว 240 ฟุต หมอบเฝ้าปากทางที่พามุ่งตรงไปยังปิรามิดแห่งคีเฟรน


วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

  ประโยชน์ของน้ำผึ้ง



ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ในน้ำผึ้งมีวิตามิน บี ซี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ กรดอะมิโนจำเป็น รวมถึงสารเอนติออกซิเดนท์
เช่นเดียวกับที่พบในอาหารประเภทผักใบเขียว หรือชาเขียวซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต ช่วยปรับสมดุลร่างกาย และควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้ง (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล(Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น
ผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่น หรือนมอุ่นๆ จะช่วยให้คุณหลับสบาย แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนนอน เพื่อให้ท่านได้หยุดพักความคิดและปล่อยวางลงบ้าง จะยิ่งทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่คุณได้พักผ่อนเต็มที่
สมัยก่อนไม่มีเครื่องสำอางมากมายอย่างในสมัยนี้ แต่ว่าคนสมัยโบราณก็รู้จักใช้น้ำผึ้งเป็นเครื่องบำรุงความงามได้ดีมากทีเดียว และเครื่องสำอางสมัยนี้ก็มีอยู่หลายอย่างที่ใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบเพื่อทำเป็นเครื่องบำรุงผิวให้งดงามชุ่มชื้น
สำหรับผิวแห้งแตก เมื่ออากาศหนาวเย็นผิวก็จะแห้งง่าย เอาน้ำผึ้งแท้ไม่ต้องผสมอะไรนะคะ ทาผิวจะช่วยป้องกันผิวแห้งได้ ผิวก็จะไม่แตกด้วย

สำหรับริมฝีปากแห้งและแตกง่าย ถ้าทาน้ำผึ้งบ้างก็จะสามารถป้องกันไม่ให้แตกเป็นแผลได้
 
 
 
 

 

ประวัติโยฮันน์ เซบาสเตียน บาค (Johann Sebastian Bach)

ประวัติ
โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เจ.เอส.บาค บาคเกิดที่เมืองไอเซนาค ในประเทศเยอรมัน ในเดือน มีนาคม ค.ศ. 1685 บาคเติบโตขึ้นมาในครอบครัวของนักดนตรีอาชีพ ดังนั้นเขาจึงได้รับการสนับสนุนส่งเสริมในการดนตรีมาตั้งแต่เยาว์ ตามสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมเช่นนั้น เขาจึงต้องเป็นนักดนตรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น บาครักดนตรีด้วยชีวิตจิตใจ ทุ่มเทพลังกายพลังใจและพลังความคิดให้แก่ดนตรีอย่างหมดสิ้น งานของเขาจึงประณีตบรรจงแบบหาที่ติมิได้เขาไม่เคยเรียกร้องขอความสนับสนุนจากผู้ใด ไม่สนใจต่อการตอบแทนในความเป็นอัจฉริยะของเขา เขามีชีวิตอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวและภาคภูมิใจในผลงานของตนอย่างเงียบ ๆ แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีความดิ้นรนทุรนทุรายที่จะให้โลกรับรู้และยอมรับความสามารถของเขาตลอดเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่ คนทั้งหลายรู้จักเขาก็แต่เพียงเป็นนักออร์แกนที่มีฝีมือดีผู้หนึ่งเท่านั้นงานของ เจ.เอส บาค ได้รับการเผยแพร่ให้โลกได้ตื่นตะลึงในความยิ่งใหญ่ของเขาก็ต่อเมื่อ เจ.เอส.บาค ได้จากโลกนี้ไปแล้วร่วมร้อยปี ผลงานของ เจ.เอส.บาค มีมากมายจะขอแยกประเภทไว้เพื่อเป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้
บทเพลงประเภทขับร้อง
เจ.เอส.บาค ได้แต่งเพลงจำพวกเชอร์ชแคนตาต้า (church cantata) มากกว่า 200 เพลง แพสชั่น 2 ชุด คือ แพสชั่นที่ใช้ถ้อยคำตามคำบันทึกของเซนต์จอห์นและแพสชั่นตามคำบันทึกของเซนต์แมทธิว และแมสอีก 1 ชุด คือ แมสอินบีไมเนอร์ที่มีชื่อเสียง

บทเพลงประเภทบรรเลง
เจ.เอส.บาค เริ่มชีวิตการเป็นนักดนตรีจากการเป็นนักออร์แกน ดังนั้นจึงมีผลงานทางด้านเพลงบรรเลงไว้อย่างมากมาย คือ เพลงแบรนเดนเบอร์คอนเชอร์โต 6 เพลง ไวโอลินคอนเชอร์โตเพลงสำหรับเครื่องดนตรีประเภทดีด เช่น สวี้ท (Suite) โซนาต้า (Sonata) พีลูด (prelude) fugue 48 เพลง และเพลงสำหรับออร์แกนอีกมากมาย สำหรับเพลงบรรเลงของ เจ.เอส.บาคนั้น ต้องยอมรับว่าเพลงของบาคนั้นถือว่ามีความยิ่งใหญ่มาก ทั้งนี้เนื่องจากบาคเป็นนักบรรเลงดนตรีมาตลอดเขาจึงให้ความสนใจและทุ่มเทกับการดนตรีประเภทบรรเลงมาก จึงได้ประพันธ์เพลงประเภทนี้ไว้อย่างมากมายหลายหลายชนิดด้วยความชำนาญสันทัดจัดเจนยิ่ง

สไตล์ในการแต่งเพลงของ เจ.เอส.บาค
เจ.เอส.บาค เป็นนักดนตรีประจำโบสถ์ ดังนั้นบาคจึงให้ความสนใจในเพลงที่ใช้ในทางศาสนามาก ได้ศึกษาหาความรู้จากเพลงของนักแต่งเพลงรุ่นก่อนบาคชอบในความสงบเยือกเย็นของเพลง ในแบบที่ปาเลสตรีนาแต่งไว้ และในเวลาเดียวกันบาคก็นิยมในความจริงต่ออารมณ์ที่เพื่อนนักแต่งเพลงรุ่นเดียวกันแสดงออก บาคจึงนำสิ่งที่ชอบทั้งสองนี้มาผสมผสานและปรากฏว่ากลมกลืนเข้ากันได้เป็นอย่างดียิ่ง ความเป็นอัจฉริยะของตนเองทำให้เพลงมีความสมบูรณ์ในอารมณ์และได้ความหมายลึกซึ้งมากขึ้นสไตล์การแต่งเพลงของ เจ.เอส.บาค เป็นแบบเฉพาะบุคคลเพราะถึงแม้จะได้รับแบบอย่างมาจากชาวอิตาเลียน แต่บาคได้นำมาดัดแปลงตบแต่งขัดเกลาเสียใหม่ให้เข้ากับรสนิยมและทัศนะของเขาจึงยังสามารถคงความเป็นตัวของตัวเองอยู่ได้ เจ.เอส.บาคมีความประณีตบรรจงในการแต่งเพลงมากจะเพ่งเล็งที่รายละเอียดในงานเพลงของเขาทุกแง่ทุกมุมงาน ของบาคได้รับการกลั่นกรองเป็นอย่างดีเยี่ยมจึงหาที่ตำหนิมิได้บาค มีความสามารถเป็นอย่างยิ่งในการใช้ทำนองเพลงสอดประสานกันเองอย่างที่เรียกตามศัพท์วิชาการเป็นภาษาอังกฤษว่าโพลีโฟนิคสไตล์ (Polyphonic style) ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพลงของบาคมีความลึกซึ้งในอารมณ์แสดงถึงศรัทธาที่มีอย่างจริงใจต่อศาสนา และดนตรีของบาค ในการแต่งเพลงประเภทบรรเลงบาคจะใช้วิธีการปฏิบัติออร์แกนซึ่งเป็นเครื่องดนตรีและทำได้อย่างดีที่สุดทุกรูปแบบด้วย บาคมีความชำนาญแลจัดเจนในด้านอารมณ์ความคิดในแง่มุมต่าง ๆ และสามารถ นำมาประมวลถ่ายทอดความรู้สึกนั้งลงในงานดนตรีที่เป็นอมตะของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้บาคสามารถยืนยงต่อคำวิพากษ์ของผู้คนทุกยุคทุกสมัย
 

ประวัติ ชาร์ลส์ ดิกคินส์ (Charles John Huffam Dickens)

 

 

ประวัติ
ชาร์ลส์ จอห์น ฮัฟแฟม ดิกคินส์ เป็นนักประพันธ์ชาวอังกฤษ และมีนามปากกาว่า “โบซ” (Boz) เกิดที่เมืองแลนด์พอร์ท แฮมเชียร์ อังกฤษใต้ สหราชอาณาจักร เป็นบุตรเสมียนฝ่ายเงินเดือนกองทัพเรือ ในปี พ.ศ. 2357 ดิกคินส์ได้ย้ายมาอยู่ในลอนดอนแล้วย้ายไปอยู่ที่เมืองแชทแธม และที่นี่เขามีโอกาสได้เข้าโรงเรียน และได้ทำงานเป็นเด็กรับใช้ในสำนักงานทนายความชั้นสอง แล้วจึงเริ่มทำงานด้านหนังสือพิมพ์และได้เป็นผู้สื่อข่าวและเข้าทำงานกับหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งในลอนดอนในเวลาต่อมา
ดิกคินส์ได้ตีพิมพ์บทความเป็นจำนวนมากใน วารสารรายเดือน ตามด้วยเรื่องย่อยและบทความลงในหนังสือพิมพ์กรอบบ่าย อีฟนิงครอนิเกิล ในปี พ.ศ. 2379 เขาได้ตีพิมพ์ เรื่องย่อยโดยโบซ (Sketches by Boz) และพิควิคเปเปอร์ (Pickwick Papers) และในปีเดียวกันได้แต่งงานกับแคเธอรีนบุตรสาวของเพื่อนชื่อ จอร์จ โฮการ์ท และมีบุตรด้วยกันถึง 10 คน แต่ก็ได้หย่าขาดจากกันเมื่อ พ.ศ. 2401
ชาลส์ ดิกคินส์ เป็นคนทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ผลิตงานวรรณกรรมรวมทั้งงานเขียนเพื่อณรงค์ต่อต้านความชั่วร้ายในสังคมสมัยนั้นออกมาอย่างสม่ำเสมอเป็นจำนวนมาก และไม่เคยส่งเรื่องช้ากว่ากำหนดเลย ดิกคินส์เริ่มงานวรรณกรรมด้วยการเขียนลงหนังสือพิมพ์รายเดือนโดยเริ่มด้วยเรื่อง โอลิเวอร์ ทวิสต์ (พ.ศ. 2380-2382) นิโคลาส นิคเกิลบี (พ.ศ. 2381-2382) และเรื่อง ดิโอลเคียวริโอซิตีชอพ (พ.ศ. 2383-84) หลังจากนี้ ดิกคินส์ได้ไปใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาในต่างประเทศ งานในระยะหลังของเขาได้แก่ เดวิด คอบเปอร์ฟิลด์ (พ.ศ. 2392-93) บลีกเฮาส์ (พ.ศ. 2395-96) เรื่องของสองนคร (พ.ศ. 2402) ความคาดหวังอันยิ่งใหญ๋ (Great Expectation – พ.ศ. 2403-04) และงานเขียนที่ยังไม่จบเรื่อง ความลึกลับของเอดวิน ดรูด (The Mystery of Edwin Drood – พ.ศ. 2413)


 ประวัติ วอลท์ ดิสนีย์ (walt disney)

 
ประวัติ
เดอะวอลท์ดิสนีย์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) ในชื่อ "ดิสนีย์บราเธอส์คาร์ตูนสตูดิโอ"
(
Disney Brothers Cartoon Studio) โดยสองพี่น้องดิสนีย์ วอลท์ ดิสนีย์ และ รอย ดิสนีย์ หลังจากที่ทั้งคู่ได้ทำสัญญากับ เอ็ม. เจ. วิงเกลอร์ ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในฮอลลีวูด โดยซ็นสัญญาการ์ตูนชุด อลิซคอเมดีส์ (Alice Comedies) ที่วอลท์ได้เริ่มทำเมื่อสมัยที่ทำภาพยนตร์ที่แคนซัสซิตี หลังจากบริษัทก่อตั้งได้ระยะหนึ่ง บริษัทได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอ" (Walt Disney Studio) หลังจากสี่ปีที่ได้เปิดบริษัทมา วอลท์มีไอเดียสร้างตัวละครขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้แก่ ออสวอลด์ เดอะ ลักกีแรบบิต (Oswald the Lucky Rabbit) แต่ทว่าเมื่อผ่านไปหนึ่งปี ทางผู้จัดจำหน่ายได้หยุดการให้ทุนวอลท์ดิสนีย์ แต่ได้นำตัวละครออสวอลท์ไปสร้างต่อกับบริษัทอื่นแทน ทำให้วอลท์จำเป็นต้องหาทุนถ่ายทำใหม่รวมถึงสร้างตัวละครการ์ตูนขึ้นมาใหม่ วอลท์ได้นำหนูมาเป็นตัวละครและตั้งชื่อให้ว่า มอร์ติเมอร์ (Mortimor) แต่ภรรยาของเขาแนะนำให้ใช้ชื่อ มิกกี (Mickey) แทน ซึ่งในตอนที่สามของการ์ตูนชุดในชื่อ สตีมโบตวิลลี (Steamboat Willie) นี้ วอลต์ได้นำเสียงประกอบมาใช้ในการ์ตูน และ ได้ออกฉายเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 ที่โรงละครโคโลนีในนิวยอร์ก ซึ่งได้รับการต้อนรับมากมายจากผู้ชมและนักวิจารณ์ ซึ่งเป็นก้าวแรกของความสำเร็จของวอลท์ดิสนีย์ ต่อมาวอลท์ได้สร้างการ์ตูนชุดใหม่ในชื่อ ซิลลีซิมโฟนีส์ (Silly Symphonies) โดยฟลาเวอรส์แอนด์ทรีส์ในชุดนี้เป็นการ์ตูนรื่องแรกของดิสนีย์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ในปี พ.ศ. 2498 วอลท์ได้เปิดสวนสนุกในชื่อดิสนีย์แลนด์รีสอร์ต

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นักมายากลที่เก่งที่สุดในโลก!
David Blaine White




David Blaine White เกิดวันที่ 4 เมษายน 1973 ที่ Brooklyn  New york U.S.A เขาเป็นนักมายากลชาวอเมริกัน และยังเป็นนักแสดงโลดโผน  เขาเริ่มต้นการแสดงแบบนักมายากลทั่วไปก็คือ แสดงตามท้องถนน จนวันหนึ่งเขาได้โชว์มายากลในรายการโทรทัศน์ของ Conan O’Brien มันเป็นการแสดงกลไพ่ทั่ว ๆ ไป ต่อมาเขาก็เริ่มหาทางของตัวเองเจอ เขาคิดว่าหากแสดงกล
สำเร็จรูปที่มีคนอื่นเล่นกันหมดแล้ว อนาคตเขาคงจะไปไม่ถึงไหนแน่ ๆ เขาจึงนำตัวเองเข้าหามายากลประเภทโลดโผน เสี่ยงตาย แบบเอาชีวิตเข้าแลก
ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี เพราะกระแส-ตอบรับส่งผลให้เขาเริ่มดังขึ้นจนติด ระดับนักมายากลระดับโลก

*กลโลดโผนของเขา ที่มีชื่อเสียงก็คือ Buried Alive หรือฝังทั้งเป็น แสดงขึ้นในวันที่ 5 เมษายน 1999 เขาฝังตัวเองอยู่ใต้แท้งค์น้ำที่หนักถึง 3 ตัน เขาไม่ได้กินอะไรเลย และได้ดื่มน้ำเพียงวันละ 2-3 ช้อนชา เท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อครบ 7 วัน ในวันที่ 13 เมษายน เขาก็ออกมาได้สำเร็จ

*การแสดงอันเป็น ที่จดจำอีกชุดหนึ่งก็คือการนำตัวเองเข้าไปแช่ในก้อนน้ำแข็
"Frozen in Time" ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่ไทม์สแควร์ นิวยอร์ค โดยมีการถ่ายทอดบันทึกภาพตลอดเวลา เขาใช้เวลาอยู่ในนั้นนานถึง 63 ชั่วโมง 42 นาที และ 15 วินาที ก่อนที่จะออกมาอย่างคนป่วย นอกจากนี้เขายังทรมานตัวเองด้วย การอดอาหารเป็นระยะเวลา 44 วัน การกลั้นหายใจใต้น้ำ 7 นาที 33 วินาที ฯลฯ

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556


Las Vegasลาสเวกัส (อังกฤษ: Las Vegas) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใน
มลรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ที่ชาวอเมริกันและคนทั่วโลก ให้ฉายาว่า "เมืองแห่งบาป" (Sin City) หรือ นักเขียนบางคนให้ชื่อว่าเป็น "America's Playground" หรือสนามเด็กเล่นของสหรัฐอเมริกา
ลาสเวกัสเป็นสถานที่ที่มีลักษณะพิเศษ เพราะเมืองทั้งเมืองเจริญเติบโตขึ้นมาจากความก้าวหน้าของกิจการการพนัน เป็นแรงดึงดูดหลักให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา ต่อมาก็ได้พัฒนาไปสู่ธุรกิจบริการใกล้เคียง ได้แก่ โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม
ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความอลังการ และขนาดใหญ่มากกว่าที่อื่นในโลก จะหาได้ค่อนข้างยากที่จะมีบ่อนการพนัน และโรงแรมมารวมตัวกันอย่างแน่นหนาในบริเวณใกล้เคียงกันเหมือนกับเมืองลาสเวกัส แห่งนี้ โดยในที่สุด ปัจจุบันนี้ คนไปเที่ยวลาสเวกัสไม่ได้เป็นเพราะต้องการที่จะไปเล่นการพนันหรือไปดื่มกิน ให้สนุกเป็นหลักอีกต่อไป แต่ไปเพื่อได้เห็นลักษณะอันพิเศษของเมืองนี้


Casino อันดับที่ 1 คือ Mandalay Bay

 













 Casino อันดับที่ 2 คือ Venetian
 










Casino อันดับที่ 3 คือ Bellagio

 

Casino อันดับที่ 4 คือ Wynn
 

Casino อันดับที่ 5 คือ The Mirage

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Macaron







ขนมมาการอง (Macaron) เป็นขนมหวานที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส มีส่วนประกอบหลักของ Almond น้ำตาล และไข่ขาว มีลักษณะคล้ายคุ้กกี้ชิ้นเล็กสองอันประกบกันมีไส้ตรงกลาง มีสีสันสดใส กรอบนอกนุ่มใน สอดไส้ตรงกลางด้วยกานาช (Ganache) มีหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่ วานิลลา อัลมอนด์ หรือผลไม้ตามฤดูกาล เป็นต้น และมักนิยมทานคู่กับชา หรือ กาแฟมาการอง เป็นที่รู้จักครั้งแรกในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมัยนั้นข้าวยากหมากแพง เนื้อสัตว์ โปรตีนไม่มีให้รับประทานมากมายนัก เหล่าแม่ชีชาวอิตาเลียนที่อพยพมายังประเทศฝรั่งเศสจึงดำรงชีพอยู่ด้วยอัลมอนด์ เพราะมีคุณค่าทางอาหารไม่แพ้เนื้อสัตว์ โดยนำมาประกอบเป็นอาหารหรือขนมหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือ ขนมจากอัลมอนด์ ซึ่งต่อมากลายเป็นของหวานที่ชาวฝรั่งเศสชื่นชอบมาจนถึงปัจจุบัน

สเน่ห์ของมาการองไม่ได้อยู่ที่สีสันสดใสเท่านั้น ว่ากันว่ามาการองที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่รูปร่างคล้ายกับโดมแบน ๆ มองดูจากด้านบนเป็นวงกลม ผิวด้านบนของขนมเรียบมันจากความละเอียดของอัลมอนด์บด ส่วนที่สำคัญคือ “Foot” บางตำราเรียก ”Skirt” รอยหยักคล้ายลูกไม้ชายกระโปรงที่บางกรอบ ซึ่งมีวิธีการทำที่ยุ่งยากพอควร อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ กลิ่นหอมหวาน เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำมาการอง 2 ชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็น 1 คืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซาบเข้าสู่ชั้นของคุกกี้ นอกจากนี้ความชื้นจากไส้ยังทำให้มากาฮองมีความนุ่มหนึบเวลาเคี้ยวอีกด้วย

คุณลักษณะของมาการองที่ดี จะต้องมีรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างไส้กานาชและเนื้อคุกกี้ ส่วนสูงที่สมดุลของตัวคุกกี้ชิ้นบนและล่างที่มีขนาดเท่า ๆ กัน รวมทั้งไส้ที่บีบพอดีขอบให้เห็นเป็นเส้นเล็ก ๆ ตลอดทั้งชิ้น